วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560

ตะลุย1วันกับประสบการณ์"สไบมอญ"

ตะลุย1วันกับประสบการณ์"สไบมอญ"

สไบมอญ

-จุดเริ่มต้นของการเดินทาง


"สไบมอญ" หลังเสียงอาจารย์ในรายวิชาสารคดีข้ามสื่อกล่าวจบลง พร้อมโจทย์งานใหญ่ชิ้นแรกของวิชาที่ให้ไปทำ สมองอันน้อยนิดของฉันเริ่มขบคิดแล้วว่าสไบมอญที่อาจารย์พูดถึงนั้นมันคืออะไร...  อย่างแรกที่จะช่วยคลายความสงสัยของฉันได้คงหนีไม่พ้นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในมือตอนนี้ เครื่องมือสื่อสารสีขาวชมพูตามแบบฉบับเด็กสาวเริ่มเปิดหน้าต่างของเว็บต่างๆ เนื้อหาที่เกี่ยวกับสไบมอญได้ฉายบนหน้าจอให้อ่าน ...สีสันที่ฉูดฉาด การวางสีที่ตัดกัน ลายผ้าที่เเน่นแฟ้นไปด้วยความหมายจากการปักด้วยมือ ใช้พาดไหล่ ชาวมอญ และ ต.เจ็ดริ้ว จ.สมุทรสาคร...


-ผูกเชือกรองเท้าให้แน่นแล้วไปกับเรา


"สมุทรสาคร10คนค่ะ!" ใช่แล้วคุณผู้อ่าน คุณอ่านไม่ผิดหรอก10ชีวิต ที่ยกโขยงกันขึ้นรถตู้ ไหนๆในกลุ่มงานนี้มีกัน10คน ก็ไปกันให้หมดทุกคนนี่ล่ะ ...คนจ่ายตั๋วรถเงยหน้าขึ้นมองฉันแล้วพยักหน้ายื่นบัตรคิวสำหรับขึ้นรถมาให้10ใบ แอร์จากหน้ารถที่เร่งความแรงจนสุดพยายามทำหน้าที่ของมันอย่างสุดความสามารถ ยังต้องยอมแพ้กับสภาพอากาศที่อบอ้าวเช่นนี้ แสงแดดสาดเข้ามาในตัวรถจนลืมไปว่าในรถก็ติดฟิล์มกรองแสงไว้ ใครนั่งติดกับหน้าต่างตรงแสงส่องเข้ามาก็ขอให้โชคดี คงแสบผิวไปตามๆกัน ล้อรถเริ่มเคลื่อนตัวเมื่อผู้โดยสารครบ15คน มุงหน้าไปสู่ปลายทางของเรา..สมุทรสาคร


-ถึงจุดหมาย


กว่า40นาที ที่นั่งรถตู้ ล้อรถก็ได้หยุดเคลื่อนตัวเมื่อถึงตลาดมหาชัย จ.สมุทรสาคร จังหวัดที่ฉันเกิดและเติบโตมาตลอดอายุ20ปี ใครว่าที่กรุงเทพฯร้อนมากแล้วลองมาที่นี่สิ ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ติดกับปากอ่าวไทย รวมถึงแม่น้ำท่าจีนได้พัดเอาความร้อนเข้ามา พูดได้คำเดียว "ร้อน!" ถึงฉันจะเกิดและเติบโตจากที่นี่ยังไม่สามารถทนอาการเช่นนี้ได้นาน เกริ่นมาหลายบรรทัดแล้ว แต่เราก็ยังไม่ถึงจุดหมายจริงๆสักที 10ชีวิตต่างกวาดตามองหารถประจำทางที่จะไป ต.เจ็ดริ้วจนเจอ นั่งรถประจำทางสุดสายอีกประมาณ1 ชั่วโมง สภาพทิวทัศน์เริ่มเปลี่ยนจากตึกราบ้านช่อง กลายมาเป็นร่องสวนมะพร้าว ผลไม้หรือพืชต่างๆ ที่ถ้าเราอยู่ในตัวเมืองจะไม่ได้เห็นแบบนี้...  และเราก็ถึง วัดเจ็ดริ้ว


-ตามหาข้อมูลสัมผัสประสบการณ์จริง


สายตานับร้อยคู่ที่มองมาที่กลุ่มพวกฉัน เขาคงแปลกใจเนื่องจากสภาพพร้อมรบนี้ ขาตั้งกล้องตัวใหญ่ กล้องโปร (กล้อง DSLR)อีก3-4ตัว รวมถึงการจับกลุ่มใหญ่ขนาดนี้ ...พี่เดี่ยว นายธีราศักดิ์ วงษ์จู นักพัฒนาชุมชน อบต. เจ็ดริ้ว เป็นผู้ออกมาต้อนรับหลังจากติดต่อกับพี่เขาก่อนที่จะเดินทางมา ในวัดมีการจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อสืบสานประเพณีความเป็นมอญ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของใช้ต่างๆที่ถูกแปรรูปให้มีความหลากหลาย 
...สีสันที่ฉูดฉาด การปักลายผ้าด้วยมือ ใช่แล้วนั่นคือสไบมอญ พวกเราต่างมองไปจุดเดียวกัน เห็นคุณป้าชาวมอญหลายคนต่างนั่งปักลายผ้าสไบ พร้อมกับลักษณะการแต่งตัวที่เป็นเอกลักษณ์มีผ้าสไบมอญพาดบ่า คุณป้าต่างอวดลายบนผืนผ้าที่ตัวเองทำ และฝีมือการปักผ้าของตนเอง

ต้องบอกเลยว่าป้าๆแกเขาทำสวยจริงๆ


หลังจากนั้นพี่เดี่ยวพาขึ้นรถกระบะขับมุ่งหน้าไปยัง หมู่5 ต.เจ็ดริ้ว ด้วยสมาชิกที่เยอะจนนั่งหน้ารถทั้งหมดไม่พอ จะต้องมีการเสียสละตนเองเพื่อออกมานั่งหลังกระบะท้ายรถกัน เจ้าพระอาทิตย์ทรงกลมที่ลอยตั้งฉากกับตัวจนไม่เห็นเงาตัวเองที่อยู่เคียงข้างเราเสมอ รอบข้างที่เป็นป่า ฝุ่นคลุ้งตลบท้ายรถเมื่อรถวิ่งจากถนนดินแดงที่ไม่ได้ถูกราดกลบด้วยยางมะตอย หรือทำพื้นถนนอย่างเส้นถนนหลักในเมือง พี่เดี่ยวจอดรถหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง...


-ย้อนรอยประวัติศาสตร์ชาวมอญ


คนมอญเคยมีรัฐมอญอยู่ที่บริเวณลุ่มแม่น้ำอิรวดีตอนล่าง ในอดีตที่ตกอยู่ในภาวะสงคราม จากปัญหาความขัดแย้ง จนทำให้รัฐมอญต้องถูกรวมเป็นหนึ่งกับประเทศพม่า ในยุคหลังการล่าอนานิคมจากอังกฤษ ชาวมอญซึ่งไร้แผ่นดินอาศัย ถูกกดขี่รีดไถต่างๆนานา จำต้องอพยพเข้ามายังผืนแผ่นดินไทย ปักหลักตั้งถิ่นฐานมาให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน แต่ที่น่าสังเกต คือวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนมอญ ที่ยังคงปรากฏอยู่ให้เห็นจนถึงทุกวันนี้
ในระแวกลุ่มแม่น้ำภาคกลาง มีคนไทยเชื่อสายมอญอาศัยอยู่หลายจังหวัด และชุมชนมอญเจ็ดริ้วจังหวัดสมุทรสาคร ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ยังคงสืบสานกรรมวิธีการปักผ้าสไบมอญนี้ไว้ จากบรรพบุรุษซึ่งเคยเป็นกลุ่มมอญที่ลี้ภัยมาจากพม่าซึ่งเดินทางจากรัฐมอญเข้ามาตั้งรกรากแห่งใหม่ในแผ่นดินไทยเมื่อ 200 กว่าปีก่อน
(ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.openbase.in.th/node/10070)


-สไบมอญ


หญาดฮะเหริ่มโต๊ะ หรือ สไบมอญ คือผ้าสไบที่มีสีสันฉูดฉาดตัดกันไปมา สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างสรรค์ออกมาจากจากชาวมอญ รวมถึงการปักลายผ้าของสไบมอญที่จะใช้มือบรรจงปักด้ายลงบนผ้าไปทีละเส้นทีละเส้น ถ่ายทอดความรู้สึก ความรักชาติ รักวัฒนธรรมของตน ลงบนผืนผ้าจนออกมาเป็นลวดลาย ที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นมาเป็นระยะเวลาหลายชั่วอายุคน สไบมอญจะถูกใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา ทั้งงานมงคลต่างๆ หรือ พิธีอัปมงคลต่างๆ ซึ่งชาวมอญไทยจะห่มผ้าสไบนี้ไปงาน โดยการพาดจากไหล่ซ้ายไปด้านหลัง อ้อมใต้รักแร้ขวา แล้วขึ้นไปทับบนไหล่ซ้าย นำด้านที่มีลวดลายดอกไม้ออก หากไปงานรื่นเริง เที่ยวเล่น ก็ใช้คล้องคอแทนหรือพาดลงมาตรง ๆ บนไหล่ซ้ายแทน


                                                                                                วิธีการห่มสไบ

-ใกล้ชิดวัฒนธรรม


ย้อนกลับมาที่พี่เดียวได้จอดรถติดกับบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเราก็ได้มารู้จักกับ ป้าสำเนา พุกผาสุก รองประธานกลุ่มสตรี ต.เจ็ตริ้ว จ.สมุทรสาคร ที่กำลังสอนเด็กๆปักลายผ้าสไบมอญ โดยป้าสำเนาเล่าให้ฟังว่า สไบมอญนั้นถ้าหากจะเปรียบคงเปรียบเสมือนเป็นชีวิตจิตใจของคนมอญไทย ถึงแม้วิธีปักทอผ้าสไบมอญได้เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย ซึ่งในอดีตใช้ผ้าทอด้วยมือ แต่ปัจจุบันนิยมใช้ผ้าไหมสำเร็จรูปแทน ทั้งนี้การปักผ้าสไบมอญแต่ละผืนจะใช้เวลานานราวๆ 1เดือน เพราะส่วนมากจะใช้เวลาว่างมาปัก นอกจากนี้ลวดลายบนผืนผ้าได้ถูกดัดแปลงจากเดิมไปบ้างเล็กน้อย เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัย แต่ขอบสไบก็ยังคงเป็นขอบหยักหรือที่เรียกว่าขอบโตกเช่นเดิม

แต่ถึงอย่างนั้นถึงวีธีการปักได้เปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้คุณค่าของสไบมอญลดลง กลับยิ่งเป็นการสร้างคุณค่าเพิ่มขึ้น ด้วยลวดลายการปักที่ยังคงเอกลักษณ์ดั่งเดิมที่สืบทอดต่อๆกันมา การปักลายผ้าให้เป็นลวดลายดอกไม้ต่างๆ หรือที่เรียกว่า ลายดาวล้อมเดือน ถูกปักทอดยาวตลอดผืน โดยมีความหมายเปรียบได้กับพระมหากษัตริย์ที่ล้อมรอบด้วยประชาชน แสดงถึงความจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน

ขอบโตกและลายดาวล้อมเดือน

-สไบมอญร้อยปี


            ป้าสำเนานำผ้าสไบมอญที่มีอายุกว่า100ปีแล้ว ที่ถูกส่งต่อมาจากบรรพบุรุษ เป็นสิ่งล้ำค่าที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ ด้วยชนิดผ้ากำมะริด และลวดลายบนผ้าที่ถูกบรรจงปักด้วยฝีมือของบรรพบุรุษในอดีต โดยลายปักเป็นรูปดอกพิกุล ล้อมรอบด้วยลายดอกจันทั้งผืน และใช้เส้นด้ายขนาดเล็กมาปักเป็นลวดลาย แสดงถึงเอกลักษณ์ของคนมอญอย่างแท้จริง

"เพราะผ้าสไบมอญ เปรียบได้กับเป็นชีวิตจิตใจของคนมอญไทย ที่ไม่สามารถหาสิ่งใดเข้ามาแทนได้ เวลาไปทำบุญแล้วต้องขึ้นศาลา หากขาดสไบ จะรู้สึกแทบไม่อยากขึ้นศาลา ถ้าจะให้เปรียบก็คงเหมือน แกงไม่ใส่ชูรส"  ป้าเสาเนากล่าว โดยกรรมวิธีการปักผ้าสไบมอญนี้ได้ถูกส่งต่อให้ชาวมอญรุ่นหลังเพื่อรับรู้ถึงจิตวิญญาณของความเป็นมอญและตระหนักถึงความเป็นชาติที่พวกเขาไม่อาจสูญสิ้นไปผ่านผ้าสไบมอญนี้  ที่เป็นสัญลักษณ์คอยเตือนใจว่า ถึงจะสิ้นแผ่นดิน แต่ชาติมอญไม่เคยหายไป

       ป้าสำเนา พุกผาสุก รองประธานกลุ่มสตรี ต.เจ็ตริ้ว จ.สมุทรสาคร
   นอกจากนี้ป้าเสาเนายังโชว์ร้องเพลงภาษามอญอีก2บทเพลงให้พวกเราได้ฟังกัน แต่อย่าถามคนเขียนเลยว่าเพลงอะไรเพราะคนเขียนเองก็ไม่รู้จัก ขอแอบบอกว่า เสียงของป้าแกเพราะจริงๆ หลังป้าโชว์เสียงลูกคอจบก็หันมายิ้มให้กับพวกเรา ในขณะนั้นเองพวกเราก็หันไปเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กอายุราวๆ ไม่เกิน8ขวบวิ่งเล่นไปมา ป้าเสาเนาก็ได้แนะนำน้อง "ปาล์มมี่" หลานสาวตัวน้อยให้รู้จัก

-ปาล์มมี่หลานสาวคนเก่ง


ปาล์มมี่หลานสาวของป้าสำเนาอายุประมาณ 7 ขวบ ก็เป็นหนึ่งในคนไทยเชื้อสายมอญที่ยังคงอนุรักษ์สืบสานประเพณีและวัฒนะธรรมความเป็นชาติมอญ ถึงแม้เด็กสาวยังอายุเพียงแค่นี้แต่ก็ยังรู้จักการปักผ้าสไบมอญ และยังปักให้พวกเราดูด้วย
น้องปาล์มมี่

แถมเรายังมาได้รู้อีกว่าปาล์มมี่ยังเป็นตัวแทนออกงานต่างๆพร้อมกับป้าสำเนาด้วยชุดมอญที่เป็นอีกหนึ่งในเอกลักษณ์ด้วย ไม่ใช่เพียงเท่านี้เนื่องจากเกิดและเติบโตในเมืองไทย ทำให้ปาล์มมี่พูดไทยคล่องกว่าภาษามอญเสียอีก เวลาป้าสำเนาถามด้วยภาษามอญปาล์มมี่ก็ตอบกลับด้วยภาษามอญบางครั้งเช่นเดียวกัน

-โบกมือจากลาเจ็ดริ้ว


           เมื่อเข็มนาฬิกาชี้ไปยังเลข4เข้าถึงช่วงบ่าย และแสงแดดจากดวงอาทิตย์ที่ยังคงเผาผลาญ  พวกเราก็ต้องโบกมือลากับหมู่บ้านเจ็ดริ้วนี้ แต่ก่อนจะจากไปป้าสำเนาพูดทิ้งท้ายว่า "ตอนนี้สไบมอญไม่ค่อยมีแล้ว จะมีก็แต่หมูบ้านบางแห่ง บางจังหวัดเท่านั้น ชาวมอญรุ่นหลังก็ไม่ค่อยปักผ้าลายกันเท่าไรนัก แต่ก็ใช่ว่าจะลืมเลือนยังรู้สึกดีใจที่ได้เห็นชาวมอญรุ่นหลังห่มผ้าสไบไปงานต่างๆ"

ป้าสำเนา น้องปาล์มมี่และเหล่าเดอะแก๊ง

-สืบสาน


          แม้เวลาจะผ่านไป แต่ความตั้งใจที่จะสืบทอดสไบมอญ ก็ยังเป็นความตั้งใจที่มิอาจเสื่อมคลายลงได้ ยังอยู่คู่กับชาวมอญไปตลอด ที่หวังจะนำเอกลักษณ์ที่สะท้อนผ่านผ้าสไบ ส่งต่อไปยังเด็กรุ่นใหม่ ให้ได้เชยชมกับความงามของผ้าสไบที่เป็นคุณค่าทางจิตใจของคนมอญไทย ที่ยากจะหาสิ่งใดมาเปรียบได้

-ความรู้สึก/ส่งท้าย


          การที่ฉันมานั่งเขียนบรรยายเรื่องราวต่างๆ ความรู้สึก...ภาพ... ยังคงฉายชัดในช่วงเวลานั้น มันเป็นความรู้สึกอะไรบางอย่างที่บอกไม่ถูก แต่เชื่อสิว่าหากพวกคุณได้ลองมาสัมผัสแล้ว จะทำให้รู้สึกหลงใหลไปกับวิถีชีวิตของพวกเขาจนอย่างแน่นอน การรักษาซึ่งเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ ของความเป็นมอญ แม้สิ้นแผ่นดินแต่ไม่สิ้นชาติ ....ขอบคุณหัวข้อของวิชานี้ที่ให้ฉันได้สัมผัสและรู้จักกับสิ่งใหม่ๆอย่าง..."สไบมอญ"

-สารคดีโทรทัศน์ | สไบมอญ สิ้นแผ่นดิน ไม่สิ้นชาติ  (ที่ลงYouTube)


-สารคดีวิทยุ สไบมอญสิ้นแผ่นดิน ไม่สิ้นชาติ (ที่ลง YouTube)



     บทความนี้ฉันเขียนขึ้นส่งอาจารย์ในรายวิชาตอนอยู่ปี2 และอยากถ่ายทอดออกมาให้ผู้อ่านได้อ่านกัน ติชมได้ค่ะ หลังจากนี้อาจมีงานเขียนต่างๆ ทั้งรีวิวการเที่ยว หรืออื่นๆ ฝากติดตามกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ ^__^

เขียนโดยกวินณา บูชา (เกล)
วันที่ 6 พฤษภาคม 2559


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตรรกะวิบัติ เรื่องส่วย

ส่ ว ย           ตั้งแต่อดีตจนถึงในยุคปัจจุบันสมัยนี้ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องการคอร์รัปชั่นคงไม่มีใครที่จะปฏิเสธได้เลยว่าการคอร์รั...